
วันอังคารที่ 4 มีนาคม 2551
เอซี มิลาน 0-2 อาร์เซนอล
(รวมผล 2 นัด อาร์เซนอลเข้ารอบด้วยสกอร์ 2-0)
สนาม : ซาน ซิโร่
ประตู : 0-1 ฟรานเชสก์ ฟาเบรกาส น.84, 0-2 เอ็มมา นูเอล อเดบายอร์ น.90
"รอสโซเนรี่" ต้องร่วงกระเด็นตกรอบจนได้ เมื่อโดนความสดของ"ปืนใหญ่"บุกมาบดเอาชนะไปได้ในเกมนี้ 2-0 ส่งเจ้าของโทรฟี่ปีที่แล้วร่วงตกรอบไป
แชมป์เก่า เอซี มิลาน ได้กลับมาเล่นในถิ่นซาน ซิโร่ หลังจากที่บุกไปยันเสมอมาในเกมแรกได้ 0-0 โดยนัดนี้คาร์โล อันเชล็อตติ ได้กาก้า เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งหายเจ็บกลับคืนมา ขณะที่แนวรุกใส่ชื่อทั้งจอมเก๋าอย่างฟิลิปโป้ อินซากี้ และโคตรดาวรุ่งอย่างอเล็กซานเดร ปาโต้ ลงสนามมาล่าตาข่าย
ด้านอาร์เซนอล ที่เสียศูนย์กับเกมในพรีเมียร์ลีกที่พลาดเสมอมา 2 นัดหลังสุด เกมนี้อาร์แซน เวนเกอร์ ปรับหมากทิ้งเอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ไว้ในแดนหน้าคนเดียวและยัดกองกลางมาแน่นเป็นพิเศษ 5 ตัว ขณะที่บนม้านั่งสำรองมีชื่อของโรบิน ฟาน เพอร์ซี่ หายเจ็บกลับมาอีกครั้ง
ทันทีที่เสียงนกหวีดดังขึ้นทั้งสองทีมก็เปิดฉากแลกกันทันที โดยเฉพาะมิลาน เจ้าถิ่นที่ดูจะพยายามตามหาประตูแรกให้ได้โดยเร็วที่สุด
"เจ้าเป็ด" ปาโต้ มีโอกาสโชว์ลีลาลากเลื้อยตะลุยฝ่าแนวรับกันเนอร์ส แต่จังหวะยิงไม่คมลูกข้ามคานออกไปแบบ น่าเสียดาย แต่ก็เรียกเสียงฮือฮาได้พอสมควรจากความใจกล้าบ้าบิ่น
จากนั้นในลูกเตะมุม จอมเก๋าอย่างมัลดินี่ ที่จะแขวนสตั๊ดหลังจบฤดูกาลนี้ได้โฉบขึ้นโขกที่เสาแรก บอลแฉลบผู้เล่นอาร์เซนอล เปลี่ยนทางดีที่เชสก์ ยังเฝ้าเสาเคลียร์บอลได้จากเส้นประตูได้แบบขลุกขลิก
ถัดมาไม่นานอาร์เซนอล มาได้ลุ้นบ้าง เมื่ออเดบายอร์ เก็บบอลได้หน้าเขตโทษก่อนไหลให้ดิยาบี้ วิ่งเติมขึ้นมาได้ตั้งป้อมแปเน้นๆแต่ลูกยิงเฉี่ยวเสาออกไป
เกมรุกของมิลาน ยังได้ลุ้นเป็นระยะ โดยเฉพาะจากกาก้า ที่มีโอกาสยิงเฉี่ยวไปเฉี่ยวมาอยู่ 2-3 ครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้ลุ้นเท่าทีมเยือนที่ทำเอาเสียววาบจากลูกยิงนอกกรอบของเอบูเอ้ ที่เฉี่ยวคานออกไป
อย่างไรก็ดี อาร์เซนอล มาครองเกมบุกได้ในช่วง 15 นาทีสุดท้าย และมาได้โอกาสที่ดีที่สุดในช่วงครึ่งเวลาแรกเป็นของฟรานเชสก์ ฟาเบรกาส ที่ได้จังหวะตั้งป้อมปั่นบอลเน้นๆ ตรงเส้น 18 หลาพอดี บอลผ่านมือของคาลัค ที่หมดสิทธิ์ไปแล้วแต่ดันไปชนคานเต็มๆ ซึ่งช่วงเวลาที่เหลือก็ยังไม่มีใครทำอะไรได้ ทำให้จบครึ่งแรกก็ยังเสมอกันอยู่ 0-0
เข้าสู่ครึ่งหลัง กันเนอร์ส ดูจะเริ่มเครื่องร้อนต่อจากช่วงท้ายครึ่งแรก และเกือบได้ประตูตั้งแต่ต้นครึ่งหลังเลยเมื่อเซนเดอรอส โผล่ขึ้นมาเติมเล่นหน้าปากประตูและได้ยิงจ่อๆแค่ 3 หลา แต่ดันเข้าผิดจังหวะบอลปลิ้นออกไปแบบน่าเสียดาย
อาร์เซนอล บดแหลกใช้เกมพาสซิ่งเร็วเล่นเอาจนแนวรับของมิลาน ที่มีแต่ตัวเก๋าออกอาการเมาหมัดหัวหมุน และมีโอกาสที่ดีอีกครั้งเมื่อนักเตะกันเนอร์ส ผ่านบอลไหลต่อมาเป็นทอดๆ ถึงเอบูเอ้ เก็บบอลได้ในเขตโทษได้ยิงแบบไม่มีใครประกบแต่วางเท้ายิงไม่ดีบอลออกข้างไปอีก
มิลาน มาได้หายใจเฮือกนึงจากลูกฟรีคิกระยะไกล เจ้าพ่อลูกนิ่งอย่างปีร์โล่ อาสายิงลูกกระดอนพื้นน่ากลัวทำเอาอัลมูเนีย เกือบเหวอต้องผวาล้มตัวปัดออกไปหวุดหวิด
จากนั้นทีมเยือนก็เริ่มแผ่วเล็กๆ ทำให้เวนเกอร์ ต้องส่งธีโอ วัลคอตต์ ลงสนามมาแทนเอบูเอ้ เพื่อเติมความสด ซึ่งเจ้าหนูมหัศจรรย์ก็เกือบทำได้ดีเมื่อได้หลุดทะลุเข้ามาถึงในเขตโทษ ก่อนจะตบเข้ามาให้อเดบายอร์ แต่จังหวะมันไม่ลงล็อกทำให้ยังยิงไม่ได้โดนสกัดออกมาอีก
กันเนอร์ส ยังคงเล่นอย่างอดทน แต่ก็ดูไม่มีวี่แววจะเจาะแนวรับของเจ้าถิ่นที่เหนียวแน่นสุดๆ เข้าไปได้ จนกระทั่งถึงนาทีที่ 84 อาร์เซนอล ก็มาได้ประตูที่รอคอย เมื่อเชสก์ พาบอลขึ้นมาถึงระยะ 35 หลา ก่อนตะบันด้วยขวา ลูกพุ่งกระดอนพื้นไม่น่ามีอะไรแต่ก็ผ่านมือคาลัช เสียบเสาเข้าไปอย่างเหลือเชื่อ เป็นประตู 1-0 ที่ล้ำค่ายิ่งสำหรับทีมเยือน
เพราะหลังจากนั้นมิลาน ที่กดดันเพราะต้องยิงถึง 2 ประตูจึงจะเข้ารอบก็ไม่สามารถฮึดกลับมาไหว และยังต้องมาเสียประตูที่ 2 อีกในจังหวะที่วัลคอตต์ โชว์ความขยัน ไปโฉบเอาบอลได้ที่สุดเส้นหลังก่อนจะตบเข้ามากลางให้อเดบายอร์ ที่เติมมาพอดีเข้าฮอสสบายๆ "ปืนใหญ่" จึงเอาชนะไปในเกมนี้ 2-0 ได้เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปแบบสุดสะใจ
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เอซี มิลาน : เซลโก้ คาลัช, มัสซิโม่ อ๊อดโด้, อเลสซานโดร เนสต้า, คาคา คาลัดเซ่, เปาโล มัลดินี่, อันเดรีย ปีร์โล่, เจนนาโร่ กัตตูโซ่, มัสซิโม่ อัมโบรซินี่, กาก้า, ฟิลิปโป้ อินซากี้ (อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ น.69) , อเล็กซานเดร ปาโต้
ใบเหลือง : คเล็บ น.33, เอบูเอ้ น.55, กาก้า น.80,
อาร์เซนอล : มานูเอล อัลมูเนีย, บาการี่ ซาญ่า, วิลเลี่ยม กัลลาส, ฟิลิปป์ เซนเดอรอส, กาแอล กลิชี่, เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ (ธีโอ วัลคอตต์ น.71) , มาติเยอ ฟลามินี่, ฟรานเชสก์ ฟาเบรกาส, อาบู ดิยาบี้, อเล็กซานเดอร์ คเล็บ (จิลแบร์โต้ ซิลวา น.90) , เอ็มมานูเอล อเดบายอร์
ใบเหลือง : อินซากี้ น.55, กลิชี่ น.72, ปีร์โล่ น.85
ผู้ตัดสิน : คอนราด เพลาตซ์ (ออสเตรีย)
แมนฯยูไนเต็ด 1-0 ลียง
(รวมผล 2 นัด แมนฯยูไนเต็ดเข้ารอบด้วยสกอร์ 2-1)
สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ประตู : 1-0 คริสติอาโน่ โรนัลโด้ น.41
คริสติอาโน่ โรนัลโด้สวมบทฮีโร่กดประตูชัยให้ทีมแมนฯ ยูไนเต็ดเฉือนชนะลียงไป 1-0 ตบเท้าเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ต่อไป
เกมนี้เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันใช้รูนี่ย์เป็นหอกเดี่ยว โดยมีโรนัลโด้, อันแดร์สัน และนานี่สนับสนุนเกมรุก ฝั่งลียง คริสกลับมาคุมแนวรับ และใส่ชื่อเบน อาร์กฟ่าและเบนเซม่า สองดาวรุ่งของทีมเป็นคู่กองหน้า
เปิดฉากเริ่มเกม ลียงได้ล่อเป้ายิงทักทายก่อนในนาที ที่ 8 แต่คัลสตรอมหวดบอลจากระยะ 25 หลาหลุดกรอบออกไป
เกมรุกของลียงฝากความหวังไว้ที่เบนเซม่าเป็นส่วนใหญ่ แต่ดาวรุ่งรายนี้ก็ยังคงโชว์พิษสงไม่ออกเท่าไร นาที 18 เสี่ยงยิง 25 หลาด้านซ้าย บอลถากเสาสองออกไปนิดเดียว
โอกาสลุ้นประตูแบบจะแจ้งของแมนฯยูไนเต็ดมาถึงในนาทีที่ 19 เมื่อนานี่โยนลูกเตะมุมจากทางซ้ายเข้ามา โรนัลโด้พยายามตวัดยิงที่กลางประตูระยะ 10 หลา แต่บอลมันก็พันแข้งพันขา ทำให้จูนินโญ่เคลียร์ทั้งไปได้
นาทีต่อมาฝั่งลียงทนอึดอัดไม่ไหวลุยขึ้นมาบ้าง แต่เบนเซม่ากลับหวดบอล 20 หลาข้ามคานออกไป
จากนั้น ผีแดงยังคงเดินเครื่องลุยเข้าใส่ลียงแบบวันเวย์ แต่ทางด้านลียงก็สวนกลับเร็วขึ้นมา คัลสตรอมสับไกเต็มกำลังแต่เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ยังปัดไว้ได้ ในนาทีที่ 29
รูปเกมของแมนฯยูไนเต็ด ยังคงเหนือกว่าตัวแทนจากประเทศฝรั่งเศสอย่างชัดเจน และพอถึงนาทีที่ 41 ก็เปิดบริสุทธิ์ลียงได้สำเร็จ จากจังหวะที่นานี่แตะบอลให้ บราวน์โยนจากทางด้านขวาเข้ามาลุ้นในเขตโทษ กองหลัง ลียงโหม่งสกัดออกมา แต่อันแดร์สันยังเก็บตกจากแถวสองได้ ตัดสินใจหวดสวนทันที บอลพุ่งไปติดโรนัลโด้ ก่อนที่จะโรนัลโด้จะแตะออกทางซ้ายหนึ่งจังหวะ แล้วยิงยัด 12 หลาเข้าไปตุงตาข่าย แมนฯยูไนเต็ดนำ 1-0
รูดม่านมาเล่นในครึ่งหลัง นาที 51 ไมเคิล คาร์ริคจ่ายบอลหน้าเขตโทษของตัวเองพลาด ทำให้เบน อาร์กฟ่าขโมยบอลได้ ก่อนจะหวดเต็มตีน แต่ก็เฉี่ยวคานไปนิดเดียว
แมนฯยูไนเต็ดเน้นการต่อบอลที่แน่นอน จนทำให้ฝ่ายลียงต้องเล่นด้วยความอึดอัดและต้องหันมายิงไกล นาที 60 คัลสตรอมหวด 25 หลาด้านซ้าย ทว่าบอลถากเสาสองออกไป
นานี่ โชว์สเต็ปโยกบอลด้านขวา ก่อนจะปั่นเน้นๆ ที่มุมเขตโทษ แต่บอลพุ่งเฉียดสามเหลี่ยมออกไป นาที 63
จากนั้นลียงเป็นฝ่ายครองเกมบุกกดดันใส่เจ้าบ้าน แต่ผีแดงก็ได้โต้กลับเร็วขึ้นมาในนาที 72 รูนี่ย์หลุดมาทางขวา ก่อนจะผ่านเข้ากลาง ตั้งใจจะให้เตเบซเข้าฮอสที่เสาสองโล่งๆ แต่หอกอาร์เจนไตน์มาช้าไปหนึ่งจังหวะเท่านั้น
นาที 74 ลียงลุยขึ้นมาอีกชุด เกต้าทำชิ่ง 1-2 กับเบนเซม่าทางด้านซ้าย ก่อนที่เกต้าจะได้ยิงเน้นๆ 12 หลา บอลพุ่งไปชนโคนเสาแรก กระดอนออกไป ก่อนที่กองหลังเจ้าถิ่นจะเคลียร์ทิ้งไปได้
ลียงพยายามขึงพืดแมนฯยูไนเต็ดและก็มาได้ลุ้นในนาที 86 แต่จูนินโญ่ซัดฟรีคิก 30 หลาเหินข้ามคานไป
ท้ายเกม ลียงเปิดเกมรุกเต็มหน้าตัก แต่แมนฯยูไนเต็ด ก็ป้องกันได้หมด จบเกม ผีแดงซิวชัยไป 1-0
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนฯยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์,เวส บราวน์,ริโอ เฟอร์ดินานด์,เนมานย่า วิดิช,ปาทริช เอวร่า, คริสติอาโน่ โรนัลโด้(โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ น.90+2),ไมเคิล คาร์ริค,ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์,อันแดร์สัน(คาร์ลอส เตเบซ น.70),นานี่,เวย์น รูนี่ย์
ใบเหลือง : ปาทริช เอวร่า น.4,นานี่ น.43,ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ น.73
ลียง : เกรกอรี่ กูเป้ต์, ฟรังซัวส์ แชลร์ช,เซบาสเตียน สกิลลาชี่, คริส, ฟาบิโอ กรอสโซ่, ซิดเน่ย์ โกวู(กาแดร์ เกต้า น.68), เฌเรมี่ ตูลาล็อง,คิม คัลสตรอม(เฟร็ด น.79), จูนินโญ่, คาริม เบนเซม่า,ฮาเต็ม เบน อาร์กฟ่า
ใบเหลือง : ฟาบิโอ กรอสโซ่ น.23,เซบาสเตียน สกิลลาชี่ น.56
ผู้ตัดสิน : โรแบร์โต้ โรเซ็ตติ (อิตาลี)
บาร์เซโลน่า 1-0 เซลติก
(รวมผล 2 นัด บาร์เซโลน่าเข้ารอบด้วยสกอร์ 4-2)
สนาม : คัมป์ นู
ประตู : 1-0 ชาบี้ น.3
บาร์เซโลน่าเข้ารอบ 8 ทีมได้สำเร็จหลังจากลงไปเล่นเพื่อประคองตัวและเบียดชนะเซลติกไป 1-0
แค่ 3 นาทีบาร์ซ่าก็ออกนำ 1-0 จากจังหวะที่โรนัลดินโญ่จ่ายบอลตัดไปให้ซิลวินโญ่วิ่งเติมหลุดไปทางซ้าย ก่อนที่แบ็กแซมบ้าจะตักไปให้ชาบี้วิ่งเติมมาดีดบอลย้อยผ่านบูรุชเข้าไป
จากนั้นนาทีที่ 9 บาร์ซ่ายังได้ลุ้นจากจังหวะ หวดด้วยขวาของโรนัลดินโญ่ที่บูรุชรับหลุดมือแต่ลูกออกหลังไปหวุดหวิด
เจ้าบ้านยังลุยบุกอย่างสนุกแม้จะมีสกอร์ตุนมากพอที่จะเข้ารอบต่อไปแล้ว นาทีที่ 12 เอโต้ชาร์จลูกเปิดของโรนัลดินโญ่พลาดอย่างน่าเสียดาย
ยิ่งเล่นชั้นบอลของเซลติกยิ่งห่างเพราะโดน นักเตะบาร์ซ่าไล่รุมแย่งและ เอาบอลไปครองได้ตลอดจนทีมเยือนต้อง ตัดฟาวล์หลายครั้ง
แต่ช่วงท้ายครึ่งแรกบาร์ซ่าต้องเสียเมสซี่ที่บาดเจ็บกล้ามเนื้อต้องส่งอองรีลงมาแทน นาทีที่ 38
จากนั้นเกมก็ไม่มีอะไรให้ลุ้นจบครึ่งแรกเจ้าถิ่นนำ 1-0
เกมในครึ่งหลังดำเนินไปเรื่อยๆเพราะบาร์ซ่าได้เปรียบทุกอย่างและสกอร์ก็ขาดลอยไปแล้ว แต่ก็ยังมีลุ้นจากการยิงของโรนัลดินโญ่แต่บูรุชเซฟได้สบาย
ผ่านไปถึงนาทีที่ 60 เดโก้รับบอลจาก ชาบี้ก่อนยิงไกลก็โดนบูรุชเซฟออกหลังไปอีก
จากนั้นเป็นโอกาสของโรนัลดินโญ่อีกครั้งแต่บอลก็ลอยข้ามคานออกไปหวุดหวิด
น.85 เซลติกเกือบตีเสมอได้สก๊อต แม็คโดนัลด์ได้ยิงไกลจากนอกเขตโทษแต่บิคตอร์ บัลเดสยังเซฟเอาไว้ได้ยอดเยี่ยม
ก่อนหมดเวลา 1 นาทีแฟนบาร์ซ่าเกือบเห็นประตูที่ 2 เมื่อกุ๊ดยอห์นเซ่นได้ยิงเน้นๆ แต่บูรุชยังเหนียวเซฟออกไปได้หวิว
สุดท้ายไม่มีประตูเพิ่มเติมบาร์เซโลน่าเบียดชนะไป 1-0 และผ่านเข้ารอบ 8 ทีมด้วยสกอร์รวม 4-2
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
บาร์เซโลน่า : บิคตอร์ บัลเดส,จิอันลูก้า ซัมบร็อตต้า, คาร์เลส ปูโยล,ตูราม,ซิลวินโญ่,เดโก้,ชาบี้ (กุ๊ดยอห์นเซ่น 82),ยาย่า ตูเร่ (เอ๊ดมิลสัน 68),ลิโอเนล เมสซี่ (อองรี 38),ซามูเอล เอโต้,โรนัลดินโญ่
เซลติก : อาร์เทอร์ บูรุช,วิลสัน,สเตเฟ่น แม็คมานัส,แกรี่ คัลด์เวลล์,ลี เนย์เลอร์,พอล ฮาร์ทลี่ย์ (แม็คโดนัลด์ 78),ไอเด้น แม็คกีดี้,มัสซิโม โดนาติ (เซอร์โน่ 46),ชุนสึเกะ นากามูระ,แยน เฟเนกอร์ ออฟ เฮสเซลลิงค์ (ซามาราส 55),สก๊อต บราวน์
เซบีญ่า 3-2 เฟเนอร์บาห์เช่
(ผลรวม 2 นัด เสมอกันที่ 5-5 ต้องต่อเวลาพิเศษ)
สนาม : รามอน ซานเชซ ปิซฆวน
ประตู : 1-0 ดาเนียล อัลเวส น.5,เซดู เกอิต้า น.9, 2-1 เดวิด น.20,3-1 เฟดริก กานูเต้ น.41,3-2 เดวิด น.79
เดวิด กลายเป็นฮีโร่ของเฟเนอร์บาห์เช่อย่างแท้จริง เมื่อยิงสองประตูให้ไล่เซบีญ่าเป็น 3-2 โดยผลรวมทั้งสองนัดของคู่นี้อยู่ที่ 5 ประตูต่อ 5
เจ้าถิ่นนัดนี้ได้ข่าวดีคือเซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวหลักอิวิก้า ดรากูติโนวิช กลับคืนเป็นตัวจริงได้แล้ว โดยได้โอกาสยืนคู่กับชูเลียง เอสคูเด้ ในขณะที่ฝั่งยอดทีมจากแดนเติร์ก ต้องขาดโรแบร์โต้ คาร์ลอสที่บาดเจ็บกะทันหันพอดี ซิโก้จึงส่งเวเดร์สัน ลงมาวาดลวดลายแทน
เซบีญ่าที่ยิงอะเวย์โกล์มาได้ถึงสองเม็ดที่ตุรกี ทำให้นัดนี้ต้องการชัยชนะเพียงแค่ ลูกเดียว 1-0 หรือ 2-1 ก็จะได้เข้ารอบทั้งนั้น
และเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้นพวกเขาก็ขึ้นนำได้ตามโผ เมื่อได้ฟรีคิกระยะ 25 หลา ดาเนียล อัลเวส รับอาสาปั่นด้วยตนเอง และก็ไม่มีพลาด ดาวเตะบราซิเลียนกดเต็มเท้าด้วยขวาบอลพุ่งเข้าที่กลางประตู แต่ทว่ามันแรงจัด จนนายทวารเดมิเรลปัดไม่อยู่ ลูกจึงปลิ้นตุงตาข่ายเข้าไปส่งให้เจ้าถิ่นออกนำ 1-0
พอขึ้นนำสกอร์ก็ไหลทันที อีก 4 นาทีต่อมา เซบีญ่าขึ้นนำเป็น 2-0 เมื่อหลุยส์ ฟาเบียโน่ แตะบอลให้เซดู เกอิต้า วิ่งมาอัดเต็มตีนซ้าย จากระยะเกือบ 40 หลาลูกพุ่งทั้งแรง และส่าย จนสุดปัญญาที่นายทวารทีมเยือนจะทำอะไรได้ บอลวิ่งเข้าเสียบใต้คานอย่างดุดันสุดๆ
และเซบีญ่าก็เกือบจะขึ้นนำเป็นสามลูกด้วยซ้ำในนาทีที่ 16 เมื่อเฆซุส นาบาสเปิดคอร์เนอร์เข้ามากลางประตู ฟาเบียโน่ทะยานโขกเต็มหัว แต่บอลเสยข้ามคานไปเสี้ยวเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ถึงจะโดนโหมบุก อย่างหนัก เฟเนอร์บาห์เช่ก็กลับมาตีไข่แตกได้อย่างเซอร์ไพรส์ในนาทีที่ 20 จากลูกเตะมุมทางฝั่งซ้าย เมห์เมต ออเรลิโอ จ่ายบอลมาถึงเดวิด ซัดเน้นๆแค่ 10 หลาเข้าไปอย่างง่ายดาย ทำให้สกอร์ขยับมาเป็น 2-1 แล้ว
แต่ทว่าเฟเนอร์บาห์เช่ก็ทำได้แค่นี้ เพราะหลังจากนั้นตลอดครึ่งแรกพวกเขาโดนเซบีญ่าไล่นวดอยู่ตลอด จนถึงนาทีที่ 41 ก็มาโดนอีกจนได้ เมื่อดาเนียล อัลเวส เติมเกมสูง ก่อนตบเข้ากลางให้ กานูเต้ พักอกหนึ่งจังหวะก่อนม้วนตัววอลเลย์แบบไม่แรงนัก แต่ทิศทางดี เสียบมุมเข้าไป ส่งให้เซบีญ่านำห่างเป็น 3-1
เข้าสู่ครึ่งหลัง เฟเนอร์บาห์เช่ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว ต้องเปิดหน้าเข้าแลกแบบเต็มสูบ และก็มาได้ลุ้นเหมือนกันในนาทีที่ 50 เมื่อมาเตย่า เคซมัน ครอสบอลให้อเล็กซ์โขกบริเวณจุดโทษ แต่บอลก็เฉี่ยวเสาออกไปไม่ไกล
ตอนนี้เซบีญ่าระส่ำกันไปหมดทั้งทีม จึงเปิดโอกาสให้ทีมเยือนไล่บี้มาเรื่อยๆเป็นระลอกๆ นาทีที่ 55 เวเดร์สันจี้ไปทางริมเส้นด้านขวา ก่อนแทงเข้ากลางให้อเล็กซ์ตะบันเนื้อๆจากระยะ 20 หลา แต่เอสคูเด้มาทะยานบล็อกได้อย่างฉิวเฉียดจริงๆ
สุภาษิตที่ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นยังใช้การได้ดีเสมอ หลังจากพยายามอย่างหนัก เฟเนอร์ บาห์เช่ก็มาทำประตูสุดสำคัญได้สำเร็จ จากลูกฟรีคิกระยะ 30 หลา อเล็กซ์ บอมบ์ไปวัดดวงในเขตโทษ เดวิดหมุนตัวยิงตามน้ำทันที ปาล็อปเซฟได้ในจังหวะแรก แต่ก็ไม่รอด เดวิดวิ่งมาซ้ำจ่อๆเข้าไปอย่างสบายเท้า ให้เฟเนอร์บาห์เช่ทำสกอร์ไล่มาเป็น 3-2 แล้ว
แต่ทว่าในผลสกอร์รวมสองนัด ทั้งสองทีมกลับมาอยู่เท่ากันที่ 5-5 แล้ว และดูเหมือนมีโอกาสจะต้องไปต่อเวลาพิเศษ กันมากเหลือเกิน
ช่วงเวลาที่เหลือเฟเนอร์บาห์เช่ ลงมาอุดกันทั้งทีมเพราะกลัวพลาด กะไปลุ้นกันในช่วงต่อเวลาพิเศษ ซึ่งพวกเขาก็ทำได้จริงๆ หมดเวลา 90 นาที เซบีญ่าจึงชนะไปได้แค่ 3-2 เท่านั้น ต้องไปลุ้นกันในช่วงต่อเวลาพิเศษต่อไป
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เซบีญ่า : อังเดรส ปาล็อป,ชูเลียน เอสคูเด้,อิวิก้า ดรากูติโนวิช,ดาเนียล อัลเวส,เฆซุส นาบาส,อาเดรียโน่,คริสเตียน โพลเซ่น,เซดู เกอิต้า,เฟรดริก กานูเต้,หลุยส์ ฟาเบียโน่(เรนาโต้ น.78),ดีเอโก้ คาเปล
เฟเนอร์บาห์เช่ : โวลคัน เดมิเรล,เอดู ดราเซน่า,ดีเอโก้ ลูกาโน่,โกฮัน โกนูล,เวเดร์สัน,เมเม็ต ออเรลิโอ,เซลซุก ซาฮิน(เซมีห์ เซนเติร์ก น.63),อเล็กซ์,อูกูร์ โบรัล,มาเตย่า เคซมัน,เดวิด
ผู้ตัดสิน : มัสซิโม บูซัคก้า (สวิตเซอร์แลนด์)
No comments:
Post a Comment